สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม “เครื่องจักร” คือ หนึ่งในหัวใจหลักของการดำเนินงานการผลิตต่างๆ แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เครื่องจักรเหล่านี้มักเสื่อมสภาพและต้องถูกซ่อมบำรุงเป็นธรรมดา แต่บางครั้งอาการที่บ่งบอกถึงภาวะของเครื่องจักรก็ไม่ชัดเจนมากนัก อย่างการสั่นสะเทือน ที่มักถูกมองข้ามไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้อุปกรณ์อย่างเครื่องวัดความสั่นสะเทือน จึงเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ทุกโรงงานควรมีเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ก่อนซื้อเครื่องวัดความสั่นสะเทือน ควรที่จะศึกษาและเลือกให้ดีเสียก่อน เพื่อประสิทธิภาพในการวัดค่าที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องวัดการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร?
โดยทั่วไป การเดินเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโรงงานผลิตก็มักจะเกิดการสั่นสะเทือนจากการทำงานเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อความสั่นสะเทือนของเครื่องจักรเกิดเปลี่ยนแปลงหรือสั่นสะเทือนผิดรุนแรงปกติ นั่นอาจหมายความว่าเครื่องจักรกำลังมีปัญหา อย่างเช่น เฟืองชำรุด ชิ้นส่วนหลุดหลวมหรือผิดรูปเนื่องจากใช้งานมานาน การจัดแนว (Alignment) ที่ไม่ดี แบริ่งหรือตลับลูกปืนสึกหรอ เป็นต้น
ดังนั้น การมีเครื่องวัดความสั่นสะเทือนสามารถบ่งบอกถึงสภาพของเครื่องจักรได้ เพื่อให้ทราบถึงปัญหาอย่างรวดเร็วผ่านข้อมูลตัวเลขจากการวิเคราะห์ของเครื่องวัด โรงงานสามารถวางแผนการซ่อมแซมได้ล่วงหน้า ดำเนินการซ่อมบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด ให้เครื่องจักรเป็นไปตามมาตรฐานการสั่นสะเทือน (ISO 2372:1974) ป้องกันไม่ให้เครื่องจักรเกิดการ Breakdown และเกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น อาทิ ค่าอะไหล่ ค่าแรงทีมงานช่างซ่อม หรือขาดรายได้ในช่วง Shutdown เพื่อซ่อมบำรุงนั่นเอง
โดยสามารถสรุปข้อดีของเครื่องวัดความสั่นสะเทือน ดังนี้
เห็นได้ชัดเจนว่าเครื่องวัดความสั่นสะเทือนนั้นเป็นอุปกรณ์สำคัญในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรภายในโรงงานที่ขาดไปไม่ได้เลย ฉะนั้นมาดูกันเลยว่าควรจะเลือกซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างไรให้คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
การเลือกซื้อเครื่องวัดความสั่นสะเทือนควรพิจารณาปัจจัยใดบ้าง?
ปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายรายจัดจำหน่ายเครื่องวัดความสั่นสะเทือนออกมาหลายรุ่น ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันไป สำหรับธุรกิจโรงงาน ก็ควรเลือกเครื่องวัดความสั่นสะเทือนที่เหมาะสมกับเครื่องจักรและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานตรงจุดที่สุด โดยสามารถพิจารณาจากปัจจัยเบื้องต้น ดังนี้
1.รูปแบบการวัดความสั่นสะเทือน
หน่วยการวัดความสั่นสะเทือนถูกแบ่งออกเป็น 3 หน่วย ขึ้นอยู่กับเครื่องจักร ได้แก่
ให้สังเกตว่าเครื่องจักรภายในโรงงานนั้นทำงานในช่วงความถี่หรือความเร็วรอบในระดับไหน แล้วเครื่องวัดความสั่นสะเทือนนั้นๆ สามารถวัดค่าความสั่นสะเทือนรูปแบบไหนและครอบคลุมช่วงความถี่ใดบ้าง
2. เทคโนโลยีที่มากับเครื่องวัดความสั่นสะเทือน
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้เครื่องวัดความสั่นสะเทือนรุ่นใหม่ๆ นั้นมักมาพร้อมกับฟังก์ชันเสริมต่างๆ เช่น การแสดงผลบนหน้าจอดิจิทัล เซนเซอร์วัดความสั่นสะเทือนและฐานรองแม่เหล็ก การบันทึกข้อมูลลงบน SD Card สำหรับตรวจสอบในภายหลัง เลือกโหมดหน่วยวัดได้หลากหลาย พอร์ตเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
หากมองว่าฟังก์ชันไหนที่เหมาะสมหรือสามารถตอบสนองความต้องการของโรงงาน ก็ควรเก็บไว้เป็นข้อพิจารณา นอกจากนี้ ยิ่งมีฟังก์ชันหรือเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ เครื่องวัดความสั่นสะเทือนยิ่งมีราคาสูงขึ้นเท่านั้น จึงต้องพิจารณาเรื่องของงบประมาณด้วย
3. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์และผู้จัดจำหน่าย
ปัจจุบันนี้มีหลากหลายแบรนด์ที่ผลิตเครื่องวัดความสั่นสะเทือนออกมาแข่งขันกันในหลายระดับคุณภาพและราคา โดยอาจเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ดังนั้นธุรกิจโรงงานควรทำการศึกษาแบรนด์ต่างๆ ให้รอบคอบเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพจริง มีการรับประกัน รวมไปถึงบริการหลังการขายในกรณีที่เกิดปัญหากับอุปกรณ์ หรือปัญหาในการใช้งาน อีกทั้งตัวแทนจำหน่ายต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ มีเอกสารยืนยันชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้
นอกจากปัจจัยหลักๆ ทั้ง 3 ข้อนี้แล้ว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ควรพิจารณาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการผลิต ความสะดวกในการใช้งาน ความสามารถในการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
Subscribe our newsletter to receive the latest news and exclusive offers
Copyright В� 2020 P&A Technology Company Limited.All Rights Reserved.